Epilepsy Art Therapy : Criticize History Of Art
Impressionism Theory Vincent Van Gogh Ukiyo-e Print Translate to Oil Paint ©Panupon Sukhsri
ลัทธิประทับใจ (Impressionism Theory)
ข้อมูลภาพ Vincent Van Gogh
บรรยายภาพ ภาพพิมพ์แกะไม้ ญี่ปุ่น ที่ถูกแปรเปลี่ยนเป็นจิตรกรรม Ukiyo-e Print Translate to Oil Paint EPILEPSY ART THERAPY
โดย © ภาณุภณ สุขศรี
by © Panupon Sukhsri

ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากหลักการและแนวคิดและหลักการของพวก impressionists นั้นมีต่อวงการศิลปะนับว่ารุนแรงและแผ่กว้างอย่างไพศาล นับตั้งแต่การนำเนื้อหาเรื่องราวที่เป็นสิ่งที่มีสาระเกี่ยวกับ วิถีชีวิตผู้คนร่วมสมัย การนำหลักการทางวิทยาศาสตร์ เช่นทฤษฎีแสงอาทิตย์ รวมถึงหลักการออกไปวาดภาพสถาณที่จริง สะท้อนถ่ายถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพบรรยากาศของธรรมชาติ ฯลฯ
Neo-Impressionism แวน โกะห์ก้าวไกลขึ้นไปอีก เขานำพื้นฐานของลัทธินี้มาสำแดงออกจากอารมณ์ภายใน จนเป็นแหล่งกำเนิด Expressionism (329)
ศิลปะภาพพิมพ์แกะไม้ ukiyo-e
Vincent To Theo from Arles, 15 July 1888:
“Japanese art is something like the primitives,
like the Greeks, like our old Dutchmen,
Rembrandt, Potter, Hals, Vermeer, Ostade, Ruisdael.”
“It doesn’t end.”
Vincent van Gogh
ในความชื่นชมของศิลปินยุโรปที่มีต่อภาพพิมพ์ญี่ปุ่น ต้องว่าแวน โกะห์ เป็นผู้ที่ชอบและหลงใหลในเกือบทั้งหมดของลักษณะภาพพิมพ์ญี่ปุ่น ได้สะสมภาพพิมพ์ญี่ปุ่นไว้เป็นร้อยๆภาพ สำหรับแวน โกะห์แล้วเขามีความเห็นว่า อิทธิพลจากศิลปะญี่ปุ่นเป็นจุดเปลี่ยนปฎิรูปที่จะกวาดล้างอะคะเดมิกแนวคิดแบบคลาสิกของศิลปะยุโรปออกไป ความชื่นชมต่อเส้นที่รับรู้ได้ถึงความเร็วที่ศิลปินญี่ปุ่นสร้างขึ้น แวน โกะห์ถึงกับ เล่าให้ธีโอผู้เป็นน้องชายว่า
“ชาวญี่ปุ่นวาดภาพเร็ว เร็วมากๆ ราวกับแสงที่ฉายวาบขึ้นอย่างฉับพลัน เพราะว่าเส้นประสาทของเขาวิเศษเยี่ยม ความรู้สึกของเขาเรียบง่ายบริสุทธิ์”
ไม่เพียงการใช้เส้นอย่างรวดเร็วเท่านั้น การใช้สีที่สด สุกใส และวิธีการใช้เส้นกับจุดเขียนภาพภูมิทัศน์ของ แวน โกะห์ ล้วนเป็นอิทธิพลที่รับมาโดยตรง ถึงกับศึกษาอย่างจริงจังด้วยการลอกงานเป็นการขุดลงไปทุกๆรากของวัฒนธรรมญี่ปุ่นเพื่อที่จะสามารถทำให้เกิดแรงกระตุ้นการสร้างสรรค์ต้นแบบของเขาเองจากการเผชิญหน้ากับคู่ตรงข้าม แวน โกะห์ชื่นชมงานพิมพ์สีของญี่ปุ่นและเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า ภาพพิมพ์เหล่านี้มิใช่ศิลปะดั้งเดิม (primitive)จริงๆ ศิลปินเรียนรู้ถึงค่าของสีที่สุดสุกใสจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญของ อูคิโยเอะ
เมื่อแวน โกะห์ไปอยู่ที่ อาร์ลส์ (Arles) ความสว่างของแสงและประกายเจิดจ้า ของสี ณ ที่นี้เป็นประสบการณ์ใหม่อันทรงพลังต่อศิลปิน ในจดหมายของแวน โกะห์ที่เขียนถึงน้องชายได้เล่าถึงสีฟ้าเข้มของท้องฟ้า ผืนดินสีแดงและสีเขียวเข้มของพรรณไม้ การเคียงชิดกันขององค์ประกอบที่สมบูรณ์จากสีต่างๆในธรรมชาติเตือนความจึงสิ่งเดียวกันที่ปรากฏอยู่ในภาพพิมพ์ของญี่ปุ่น กรณีนี้สีที่ปรากฎในผลงานของ แวน โกะห์จึงแสดงค่าความจัดของสีอย่างเข้มข้น (80)
การพบเศษกระดาษลอกลายในสตูดิโอของ แวนโกะห์ เป็นตัวพิสูจน์และสนับสนุนถึงความหลงใหลอย่างแท้จริงต่อภาพพิมพ์ญี่ปุ่น กีเลือกผลงานฮิโรชิเงะมาคัดลอกเป็นการศึกษาความงามของสีและการใช้ทัศนธาตุต่างๆ จัดวางองค์ประกอบที่สร้างสเน่ห์ต่อเขา
(หลังจากฮิโรชิเงะ) [Tree in bloom(after Hiroshige)] ซึ่งแวน โกะห์ลอกมาจากภาพ “ต้นดอกพลัมในสวนคาโมอิโดะ”(Flowering plum Tree in the Kamoido garden) เป็นผลงานของฮิโรชิเงะเช่นกัน สิ่งที่ถือว่ามีความแตกต่างระหว่างกันคือ ต้นแบบเป็นภาพพิมพ์ไม้แต่ผลงานที่ลอกใหม่เป็นจิตรกรรมสีน้ำมัน กับสิ่งที่เขียนเพิ่มเป็นกรอบรอบตัวงานลงไป
ส่วนกรอบที่เขียนเพิ่มขึ้นนั้นจะบรรจุตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นที่มีการแปลต่างกัน นักประวัติศาสตร์บางคนให้ความหมายคำเหล่านั้นว่า น้ำ อีกครั้ง รุ่งเรือง หรือมงคล บ้างก็อธิบายว่าเป็นการโฆษณา สถาณเริงรมย์ในย่านโคมแดงของเอโดะ
เป็นที่แน่นอนว่า แวน โกะห์ มิได้รับรู้ความหมาย เป็นไปได้ว่าอาจคัดลอกมาจากคำต่างๆที่นำมาจากภาพพิมพ์ที่สะสมไว้ ใช้ลงไปด้วยความชอบและให้ดูเป็นญี่ปุ่น หรืออาจคาดเดาได้ว่าคงเพราะศิลปินเห็นว่าเป็นความงามที่ควรเติมลงไป หรืออาจเป็นด้วยเหตุผลที่ว่าขนาดของผืนผ้าใบเป็นขนาดมาตรฐานของฝรั่งเศสคือ 28 x 21นิ้ว ดังนั้นแวน โกะห์จึงจำเป็นต้องหาอะไรรึสิ่งใดมาเติมเต็มที่ว่างรอบๆ เพราะขนาดผลงานของฮิโรชิเงะเล็กกว่าขนาดผ้าใบมาตรฐานของฝรั่งเศส(81)

หากลองย้อนไปศึกษาภาพพิมพ์ของประเทศญี่ปุ่น จะพบว่ามีงานที่เกี่ยวข้องกับสัมพันธไมตรีของชาวดัตช์และชาวญี่ปุ่น ตั้งแต่สมัยยุค เอโดะ
จะพบว่ามีผลงานเกี่ยวข้องกับการสังสรรค์รับประทานอาหารเฉลิมฉลอง ท่ามกลางความหรูหรา ซึ่งแวน โกะห์ ใช้เรื่องราวดังกล่าวเป็นแนวคิดในการสร้างสรรค์งานชุด the Potato Eaters 1885 โดยใช้ค่าการเฉลิมฉลองของคนชนบทนั้น สร้างสรรค์ และกล่าวถึงเชิงคู่ขนานDutch Traders in Nagasaki ซึ่งมีเด็กชนบทเป็นบริกรยกอาหารเนื้อหาบริกรถูกใช้แฝงในตัวตนของแวน โก๊ะ ผ่านลงผลงานที่มีการสร้างสรรค์หลายกระบวนการผ่านการอยู่ร่วมกับสังคมชนบทซึ่งมีความคล้ายภาพพิมพ์ญี่ปุ่น ทีมีเนื้อหาเชิงจินตนาการ ของ Kitagawa Utamaro
การดำเนินชีวิตภายใต้การทำงานศิลปะจิตรกรรม ที่ได้แรงบัลดาลใจภาพพิมพ์ ญี่ปุ่น ไม่เพียงแค่วิถีของผลงานศิลปะเท่านั้น แวน โกะห์ยังมีการใช้หมวกชนิดที่มีในภาพพิมพ์ญี่ปุ่นที่กล่าวถึงชาวดัตช์ เป็นกระแสแฟชั่นการแต่งกายอีกด้วย
แวนโกะเลือกใช้รูปแบบของภาพพิมพ์เรื่องการประกอบกิจกรรมของสตรี มาใช้ปรับเปลี่ยน การเย็บปักถักร้อย ถูกเปลี่ยนเป็นการบรรเลงร่ายเรียงดนตรี ลงในชิ้นผลงาน ซึ่งน้อยคนที่จะเข้าใจห้วงอารมณ์ในงานชิ้นนี้
![]() |
ผลงาน “เกอิชา” (Courtesan) โดยเคไซ เออเซน (Keisai Eisen) แวน โกะห์ ลอกมาจัดวางใหม่โดยคงกลิ่นอายของญี่ปุ่นไว้เต็มภาพแม้วิธีการจะต่างกันก็ตาม แวน โกะห์ลอกมาจากปกหนังสือ Paris Illustre le Japon ซึ่งจัดพิมพ์ในเดือนพฤษฎาคม ค.ศ. 1886 โดยเขียนรูปเกอิชาในกรอบพื้นเหลืองแบน จัดวางโดยการปิดทับลงบนทิวทัศน์สระบัวกลางภาพ ทิวทัศน์ที่ปรากฎอยู่รายรอบกรอบรูปสาวงามนี้จะมีรูปกบ ตรงส่วนกลางของของภาพ ซึ่ง แวน โกะห์ ลอกมาจากหนังสือแมลงของ โยชิมาโระ(Yoshimaro) ส่วนรูปนกกระเรียนมาจากแผ่นภาพที่ ฮกกุไซเขียนศึกษานก ลำไผ่ก็มาจากภาพพิมพ์ของฮกกุไซเช่นกัน ยกเว้นรูป 2 คนบนเรือพายที่ปรากฎตรงกลางขอบบนสุดของภาพ น่าจะเป็นการสร้างสรรค์ขึ้นเองของแวน โกะห์ ที่นำมาจัดวางร่วมกัน(83)
ความสนใจและชื่นชอบในผลงานของฮกขุไซ ซึ่งมีการใช้เส้นและจุดสร้างลักษณะผลงานอย่างน่าสนใจ ทำให้แวน โกะห์ทดลองหาวัสดุที่เขียนได้ตามต้องการ(เพราะเขาไม่ได้ซื้อพู่กันและหมึก) หลังจากทดลองหลายวัสดุแล้ว แวนโกะห์เลือก รีดเพ็น (reed pen) (ซึ่งเป็นปากกาที่แวน โกะห์ทำมาจากต้นกกชนิดหนึ่ง) และหมึกสีน้ำตาลซีเปีย สำหรับวาดภาพเพี่อที่ว่าจะให้ลักษณะเส้นใก้เคียงกับที่ช่างพิมพ์ญี่ปุ่นเคาะหรือตอกจุดลงไปในงานภาพพิมพ์
Père Tanguy พ่อค้าศิลปะ ก็เป็นอีกหนึ่งบุคคลของสังคมที่มีความเข้าใจ และให้คำแนะนำ แก่ แวนโกะห์ การวาดรูปเหมือน Père Tanguy เป็นชุดภาพอีกชุดที่มีเนื้อหาองค์ประกอบของภาพพิมพ์ญี่ปุ่น ซึ่งจุดจำหน่ายภาพพิมพ์เป็นชุดจุดฉากหลังที่ถูกหยิบมาใช้สร้างงานจิตรกรรม และแม้แต่ผลงานภาพร่างฉากหลังก็เป็นภาพภูเขาไฟฟูจิอีกด้วย
ผลงานถูกวาดขึ้น3ชิ้น โดยมีการวาดภาพพิมพ์ญี่ปุ่นซ่อนอยู่ส่วนของฉากโดยมีการวาดภาพพิมพ์ 5 -6 รูปลงในผลงาน ซึ่ง Vincent Van Gogh มีการดึงผลงานตน Japanaiseries :Courtesan (after Kaisai Eisen),1886-1888 มาวาด ซ้ำลงในฉาก ขณะที่มีการใช้ภาพพิมพ์ญี่ปุ่น Utagawa Kinisada,Actor Iwai Kuesaburo (III) in the Role of the Coutesan Takao of the Miura House ทดแทน
หรือแม้แต่งาน Starry Night ก็เป็นที่ศึกษาและวิจัยอย่างกว้างขวาง ว่าด้วยเรื่องของผลงานทิวทัศน์กับอุดมคติ และ ข้อถกเถียงเชิงนามธรรม
กระนั้นจิตรกรรม ชิ้นดัง van gogh starry night ,1889 หากไม่ค้นคว้าภาพพิมพ์ญี่ปุ่นให้เข้าใจลึกซึ้งและมองเป็นเพียงภาพทิวทัศน์ อาจไม่เข้าใจสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผลงานชื่อดังว่ายังคงมีการแทรกคติญี่ปุ่นผ่านในผลงาน
ความป่วยไข้จากโรคลมชักซึ่งแวนโกะพยายามเข้าถึงสังคมชนบท แต่ถูกมองเป็นคนวิกลจริตในสายตาผู้ไม่ใช่คนกลุ่มศิลปิน แวนโกะเองเป็นผู้มีความผิดหวังในเรื่องคู่ชีวิตมากมาย
ภาพพิมพ์ของUtagawa Sadahide ที่ชื่อว่า French Woman and Girl, from the series Foreign Merchants in Yokohama มีเนื้อหาของ การส่องกระจกเสริมความงาม ซึ่งหาลองสังเกตุชุดของตัวละครในผลงานภาพพิมพ์ จะพบว่ามีความคล้าย Gabrielle Berlatier
การที่ แวนโกะตัดหูตนเองมอบแด่ Gabrielle Berlatier เป็นสิ่งที่ย้ำให้เกิดการพบจิตแพทย์อีกคนเพื่อรักษาความกดดันของชีวิต
ทั้งนี้สังคมแพทย์เองก็ต่างเข้าไม่ถึงความคิดของการตัดหูของแวนโกะห์ ว่ามีเรื่องเกี่ยวโยงกับการแสลงคำดัตช์ และคำญี่ปุ่น เกี่ยวข้อง
ผลงานหลังแวนโกะกระทำการรักษาตัวในโรงพยาบาลมีการวาดรูปportraitของตนเอง เยียวยาอัตวินิบากรรม โดยรูปภาพเหมือนตนเองขณะใส่ผ้าห่อรักษาหูการวาดโดยใช้งานญี่ปุ่นเสริมแต่งลงในผลงานอีกด้วย แต่ทั้งนี้ในผลงานภาพพิมพ์ญี่ปุ่นที่ถูกจัดวางเป็นฉากหลัง รูปต้นฉบับมีเกอิชา 3นาง ในภาพ แวนโกะเลือกใช้1ใน 3ส่วนของผลงานภาพพิมพ์วาดลงงานซึ่งอัตราส่วนนั้น เกิดการตัดเกอิชาออก 1 นาง ดั่งการตัดความสัมพันธ์ Gabrielle Berlatier
แรงบัลดาลใจและอิทธิพลจากภาพพิมพ์ญี่ปุ่นที่มีต่อศิลปะยุโรปยังมีอีกหลายประเด็นและส่วนที่ยกตัวอย่างมาทั้งหมดนี้ เป็นการอธิบายถึงความสำคัญของภาพพิมพ์ญี่ปุ่นซึ่งมีลักษณะที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับลักษณะผลงานยุโรป ด้วยความแตกต่างนี้เป็นเหมือนการเปิดโลกใหม่ที่สร้างความชื่นชมและหลงใหลต่อศิลปินยุโรป จึงเกิดการขานรับอย่างลึกซี้งและจริงจัง ต่างนำมาปรับกับสร้างเรื่องราวใกล้ตัวและสภาพแวดล้อมรายรอบ เปิดบริบทใหม่ของศิลปะยุโรปในขณะนั้นให้มีความพิเศษต่างไปจากลักษณะแบบประเพณีนิยม ที่สืบทอดกันมานานและยังก่อการพัฒนาสู่รูปแบบสำคัญต่างๆต่อไป(88)
Neo-Impressionism ลัทธินีโออิมเพรสชั่น, ลัทธิประทับใจใหม่ ชื่อนี้ เฟลิกซ์ เฟเนออง(Fe’lix Feneon)นักวิจารณ์ศิลปะฝรั่งเศส ใช้เรียกผลงานของ เซอราต์ (Seurat)ที่นำหลักทางวิทยาศาสตร์เรื่องจากแสงอาทิตย์ที่มีต่อจักษุประสาทมาใช้สร้างงานจิตรกรรม จิตรกรกลุ่มนี้ไม่ค่อยพอใจคติเชิงสัจจนิยมของพวกImpressionists ซึ่งสนใจในบรรยากาศของแสงสีมากเกินไปจนลืมเรื่องโครงสร้างที่สำคัญ
พื้นฐานกลวิธีเทคนิคของลัทธินี้ คือการแบ่งแยกสี(Divisionism) หรือด้วยวิธี pointillism จากการใช้สีบริสุทธิ์มาแต่งแต้มระบายเป็นจุด(pure color) ไม่ผสมสีอื่นให้หมอง โดยนำมาแต้มเป็นจุดเล็กๆ(จุดใหญ่หรือจุดเล็กนั้นอยู่ในขนาดภาพ)ให้สีสดบริสุทธิ์นั้นผสมกันในดวงตา(ไม่ใช่ผสมในจานสี) วิธีนี้ย่อมได้สีกระจ่างสดใน พร่าพรายมะลังมะเลืองจากความเข้มข้นของสี(saturation of color)ได้สวยแจ่มใสยิ่งกว่าวิธีเก่า ความจริงเทคนิคกลวิธีนี้ก็ใช่จะใหม่ซะทีเดียวมีผู้ปฎิบัติมาก่อนหน้านี้เช่น เดอลากัวซ์(Delacriox) จากวิธีการคตินีโออิมเพรสชั่นนิสม์ของเซอราต์สู่เซซานต์ (Cezanne) แวนโกะห์ Van Gogh และโกแกง(Guaguin) ให้พัฒนาต่อไปจนเกิดกระแสนิยมให้กับจิตรกรรมสมัยใหม่เกิดขึ้น(441)
การโหยหาอดีต(Nostalgic) ลัทธิประทับใจ (Impressionism) กับการบำบัดตน(Therapy) สู่ Neo-Impressionism
ผลงานยุคแรกของการวาดรูปของแวนโกะห์ที่มีการนำผลงานเดลากัวซ์(Delacriox)มาวาดโดย สลับองศาในผลงาน จะยังพบได้ว่างานในอดีตยังไม่มีความเกี่ยวของกับภาพพิมพ์อุคิโยเอะ
Impressionism Theory Vincent Van Gogh Ukiyo-e Print Translate to Oil Paint ©Panupon Sukhsri
![]() |

Profile
ประวัติผู้สร้างสรรค์งาน
นาย ภาณุภณ สุขศรี เกิดวันจันทร์ ที่ 11 ตุลาคม พุทธศักราช 2526 ที่อำเภอ ศรีราชา จังหวัดชลบุรี สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมปลาย จาก โรงเรียน สาธิตจุฬาลงค์กรณ์มหาวิทยาลัย ในปีการศึกษา 2543 และ เข้าต่อในหลักสูตรศิลปบัณฑิต ที่ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เมื่อพุทธศักราช 2544 โดยมีผลงานนิทรรศการศิลปะที่เข้าร่วมจัดแสดงต่างๆดังนี้
นิทรรศการศิลปะ “Establish” สถาบันปรีดี พนมยงค์ เขต ทองหล่อ กรุงเทพมหานคร
นิทรรศการศิลปะ “Trick” On Art Gallery เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร
นิทรรศการศิลปะ “Re-Act” สถาบันปรีดี พนมยงค์ เขต ทองหล่อ กรุงเทพมหานคร
นิทรรศการศิลปะ "The Pancakes & Booze Art Show 2025"
อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 138/1 ซอย ปุณณวิถี 6 สุขุมวิท 101 แขวง บางจาก เขต พระโขนง กรุงเทพมหานคร 10260 โทรศัพท์ 02-332-4315,02-332-74577
PANUPON SUKHSRI
138/1 Sukhumvit 101 (Punnavithi 6)
Bangchak, Prakhanong
Bangkok 10260
e-mail:
panuponsukhsri_1983@hotmail.com panuponapiwat@gmail.com
P.S. NOON 運命の午後のメモ
Unmei no gogo no memo
จดหมายเหตุ ยามบ่าย แห่ง ปัจฉิมลิขิต
OBJECTIVE: To work in a position where I can use my educational background and skills in art
EDUCATION: BFA Visual Arts, Bangkok University, Pathumthani, 2008
WORK EXPERIENCE: Freelance Artist , 2012 - Present
๏ photographerฯ
๏ painter ฯ
๏ logo designer ฯ
๏ superflat ฯ
๏ Art Therapy ฯ
PERSONAL ATTRIBUTES: ๏ willing to learn ฯ
๏ honest ฯ
๏ responsible ฯ
๏ able to follow directions ฯ
SKILLS: ๏ proficient in Microsoft Office and Adobe ฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น